-.. ..- •••• ประวัติ สมาชิกวง [ Slipknot ] 9 หน้ากากผี ••••-.. ..-
สมาชิกในวง
Corey Taylor..นักร้องนำ...
เกิด 8 ธันวาคม ค.ศ. 1973 (ปัจจุบันอายุ 34 ปี)
ความสามารถด้านดนตรี : นักร้อง / กีต้าร์ / เบส
ประวัติเล็กน้อยๆ
1.Corey เริ่มต้นการประกอบอาชีพด้านดนตรีด้วยการร้องเพลงกับวงดนตรีต่างๆในรัฐไอโอว่า
2.เคยร้องเพลงร่วมกับวง Progressive-Rock ชื่อดัง Dream Theater(ตายละวา นึกขึ้นได้ผมยังไม่คืนแผ่นให้เพื่อนเลย - -) ในอัลบั้ม Systematic Chaos ปี 2007
3.วงดนตรีโปรดของ Corey คือ New York Dolls , Korn , Black Sabbath , Hanoi Rocks,Mötley Crüe และวง Kiss
4.Corey ยังเป็นคนเขียนบทความ Rock Sound ในนิตยสาร UK Rock Magazines ซึ่งออกเป็นรายเดือน
5.เป็น Producer ของวง Walls of Jericho's
6.เป็นผู้สนับสนุนวงดนตรี Apocalyptica แนว Cello-Metal จากฟินแลนด์ ใน single "I'm Not Jesus" และยังเป็นผู้สนับสนุนวงดนตรีอื่นๆมากมาย
ชีวิตส่วนตัว
Corey เติบโตมาในชีวิตที่ยากจน ลำบาก โดยมีแม่เป็นผู้เลี้ยงดู เขาไม่เคยได้พบพ่อจนกระทั่งเขาอายุ 32 ปี แต่เขาก็ได้เสริมสร้างมิตรภาพอันดีกับพ่อของเขา ปัจจุบันCorey หย่าขาดกับภรรยา โดยมีบุตรชื่อ Griffin (กริฟฟิน) ด้วย ตามร่างกายของ Corey มีรอยสักมากมายเกี่ยวกับครอบครัวของเขา
Sid Wilson ตัวซนประจำวง...สมาชิกหมายเลข 0 ของ Slipknot
เกิดเมื่อวันที่ 20 มกราคม ค.ศ.1978 (ปัจจุบันอายุ 30 ปี)
ความสามารถด้านดนตรี : Turntables
อื่นๆ
1.Wilson มีชื่อเสียงโด่งดังเพราะการกระทำที่บ้าระห่ำระหว่างการแสดง
2.ชอบหาเรื่องทะเลาะ(เล่นๆล่ะมั้ง) กับ Clown 1 ในสมาชิกของวงระหว่างการแสดง
3.เคยจุดไฟเผาตัวเองด้วย (ระหว่างแสดงคอนเสิร์ต)
4.ชอบกระโดดใส่คนดู
5.อายุน้อยที่สุดในวงแล้วครับ
6.มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า DJ Starscream
7.ชาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยเป็นแฟนคลับของ Sid Wilson
8.เคยร่วมมือกับ Hiroshi Kyonoนักร้อง แห่งวง The Mad Capsule Markets ในเพลง Hakai ซึ่งเป็นเพลงซาวด์แทรกประกอบภาพยนตร์ชื่อดัง Deathnote
ครับ ใครชอบฟังอะไรก็แล้วแต่นะครับไม่ว่ากัน Metal มันก็มีกันหลายประเภทอ่าครับ เดี๋ยววันหลังผมค่อยเอาสาขา metal มากระจายให้ดูแล้วกันนะ
Joey Jordison มือกลองร่างเล็ก
ชื่อโดยกำเนิด ; Nathan Jonas Jordison
วันเกิด ; 26 เมษายน 1975ที่โรงพยาบาล Mercy (ปัจจุบันอายุ 32 ปี)
ความสามารถด้านดนตรี : กลองชุด / กีต้าร์ / เบส / ร้องเพลง
อื่นๆ
1.ช่วงมัธยม Joey เป็นมือกลองในวงดนตรี รวมทั้งยังเล่นกลองชุดในดนตรีแนว jazz อีกด้วย
2.หลายๆคนยอมรับว่า Joey ตีกลองเก่งมาก แต่รู้ไหมว่าเครื่องดนตรีแรกเริ่มของโจอี้คือ กีต้าร์ ไม่ใช่กลอง
3.หลังจบ มัธยม Joey เริ่มสนใจดนตรีแนว Rock โดยเขามีวงโปรดคือ Slayer, Kiss และ Metallica
4.แรงบันดาลใจของ Joey คือ Eric Carr มือกลองวง Kiss กับ Lars Ulrich แห่ง Metallica
5.เคยทำงานในปั๊มน้ำมันมาก่อน ในขณะนั้นก็รับเล่นกลองในวงแนว Metal หลายๆวง
6.เคย Remix เพลง "Fight Song" ให้ Marilyn Manson
7.เป็นมือกีต้าร์ให้วง Murderdolls วงแนว Metal/Horror-Punk
8.หน้ากากของJoey คือ หน้ากาก Kabuki (คาบุกิ) ของประเทศญี่ปุ่น ได้รับแรงบันดาลใจจากแม่ของเขา โดยในคืนวันฮาโลวีนวันหนึ่ง Joey กลับบ้านดึกมาก และพบแม่ของเขาใส่หน้ากากนี้ยืนรออยู่..Joey ถึงกับตกใจในสีหน้าอันไร้ความรู้สึกของหน้ากากนั้น และได้ใช้มันเป็นหน้ากากประจำตัวของเขาในที่สุด
9.Joey ออกแบบหน้ากากของเขาไว้กว่า 100 แบบ
Paul Gray มือเบส...(อันนี้หารูปเดี่ยวไม่เจอ) สมาชิกหมายเลข 2
ชื่อจริง : Paul Dedrick Gray
เกิด : 8 เมษายน 1972 (ปัจจุบันอายุ 36 ปี)
เครื่องดนตรี : เบส
อื่นๆ
1.เคยอยู่ในวง Anal Blast, Vexx, Body Pit, Inveigh Catharsi
2.เคยร้อง Back-up ให้ในเพลง Spit It Out , Get This , People = S h i t , Disasterpiece , Three Nil , Pulse Of The Maggots และ Before I Forget
3.เมื่อไหร่ที่ Corey นักร้องนำร้องเพลงไม่ไหว ก็มี Paul Grey นี่แหละมาช่วยร้องให้
4.เคยโดนจับข้อหาขับขี่ขณะอยู่ภายใต้อิทธิพลของยาเสพติด (เมายาแล้วขับอ่ะแหละครับ แปลซะเว่อร์เลยตู) ในเดือนมิถุนายน ปี 2003
5.หน้ากากของ Paul ได้แรงบันดาลใจจากตัวละครในเรื่อง Hannibal
Chris Fehn มือ Percussion จมูกยาว
ชื่อจริง : Christopher Michael Fehn
เกิด : 24 กุมภาพันธ์ 1972 (ปัจจุบันอายุ 36 ปี)
เป็นสมาชิกหมายเลข 3 ของวง Slipknot
อื่นๆ
1.เคยเป็นนักฟุตบอลสมัยที่เรียนอยู่
2.เล่นกอล์ฟเก่งมากๆ
3.แล้วแถมยังเล่นไพ่**กเกอร์เก่งอีกตะหาก
4.เป็นแฟนเพลงแนว Norwegian Black Metal โดยมี วง Dimmu Borgir เป็นวงโปรด
5.มีหน้ากากแค่ 5 แบบ ดีไซน์เหมือนกัน ต่างที่สี
6.เป็นหน้ากากสไตล์ Tengu ส่วนจมูกของหน้ากากจะยาวประมาณ 19 ซม.เสมอ
7.Fehn เคยให้สัมภาษณ์ว่า"หน้ากากนี่ใส่เป็นนานๆกลิ่นจะเหม็นมาก กลิ่นเหมือนอ้วก เหงื่อ และก็ ฉี่" - - (กลิ่นรวมความซกมกจริงๆ)
James Root มือกีต้าร์ หมายเลข 4
เกิด : 2 ตุลาคม 1971 (ปัจจุบันอายุ 36 ปี)
อื่นๆ
1.สูงประมาณ 190 ซม. กว่าๆ สูงที่สุดในวงแล้วครับ
2.เคยทำงานเป็นพนักงานบนรถโดยสารแล้วก็พนักงานเสิร์ฟอาหารก่อนจะมาเป็น 1 ในวง Slipknot
3.มาเป็นมือกีต้าร์แทน Josh Brainard มือกีต้าร์คนเก่าของ slipknot
4.กำลังคบกับLacuna Coil ทั้งคู่พบกันในปี 2004
5.แต่ก่อนย้อมผมสีชมพู - -
6.ใช้หน้ากาก Jester (ตัวตลก) เนื่องจาก "เป็นสิ่งที่แทนบุคลิกนิสัยของตัวเอง"
Craig "133" Jones (หัวหนาม)
ชื่อจริง : Craig Michael Jones
เกิด 11 กุมภาพันธ์ 1972 (ปัจจุบันอายุ 36 ปี)
เครื่องดนตรี : Keyboard , MIDI Controller , Guitar
อื่นๆ
1.บ้าเล่นเกม
2.ที่เห้นเป็นหนามๆบนหน้ากากน่ะ ตะปู ไม่ก็ เข็มทั้งนั้นยาวประมาณ 9 นิ้ว
3.เคยเกิดอุบัติเหตุเล็กๆอันเนื่องมาจาหน้ากากของเขา คือ ผมของแฟนเพลงคนนึงเข้าไปพันอยู่กับตะปูบนหน้ากาก - - แต่ก็ใช้เวลาไม่นานในการแกะออก
4.เป็นคนดูแลเว็บไซต์ของวง Slipknot
5.แฟนเพลงมองว่าเป็นคนที่ลึกลับที่สุดในวง ตอนสัมภาษณ์ก็ไม่ค่อยพูดอะไร แถมยังชอบกลับบ้านเร็วกว่าเพื่อน เวลาคอนเสิร์ตเลิก
6.ระหว่างการสัมภาษณ์ครั้งหนึ่ง Craig Jones พูดเพียงประโยคเดียว คือ "ถ้าผมไม่เป็นสมาชิกในวง Slipknot ป่านนี้ผมก็คงเป็น ฆาตกรโรคจิต" ผลลัพธ์คือมีคนส่งจดหมายเข้าไปต่อว่าเขาเพียบ
7.มีข่าวลือว่าโจนส์ระบุตัวเองว่าเป็น "คนผอม และมีบุคลิกของฆาตกรโรคจิต"
8.เพื่อนที่ดีที่สุดของเขาคือ คอมพิวเตอร์
9.เคยมีคนถามว่า "หลังบ้านคุณน่ะ คุณฝังศพไว้กี่ศพ" Craig Jones ไม่เคยตอบคำถามนี้....
Shawn "Clown" Crahan ตัวตลกสุดสยอง สมาชิกหมายเลข 6
ชื่อจริง : Michael Shawn Crahan
เกิด : 24 กันยายน 1969 (อายุ 38 ปี)
เครื่องดนตรี : Percussion เป็น Back-Up ให้มือกลอง Joey Jordison คู่กับ Chris Fehn
คนนี้ประวัติสั้นมาก...
1.พ่อแม่ของ Shawn เป็นคนให้ทุน(เงิน)แก่วง Slipknot ช่วงแรกๆ ซึ่งเขาบอกว่าเขารู้สึกเคารพพ่อแม่เขามาก
2.ในช่วงปี 90 เคยมีปัญหาเรื่อง การดื่มเหล้า ติดเหล้างอมแงม จนเกือบฆ่าตัวตาย
3.แต่ก็ไม่ฆ่าตัวตาย เพราะเขาได้พบกับ Chantal ภรรยาของเขา โดยเขาให้สัมภาษณ์ว่าภรรยาของเขาเว่าเปรียบเสมือน "ผู้ช่วยเหลือและฮีโร่"
4.มีลูกสาว 2 คน และ ลูกชาย 2 คน
Mick Thomson มือกีต้าร์ หมายเลข 7
Mick Thomson มือกีต้าร์ หมายเลข 7
ชื่อจริง : Mickael Gordon Thomson
เกิด : 3 พฤศจิกายน 1973 (อายุ 34 ปี)
อื่นๆ
1.เคยเป็นสมาชิกวง Bodypit ก่อนมาเป็นมือกีต้าร์วง Slipknot
2.ตามความเชื่อส่วนบุคคล นามสกุลของเขาสะกดว่า Thomson ไม่ใช่ Thompson
3.เป็นสมาชิกหมายเลข 7 ของ Slipknot แล้วดูท่าทางจะชอบเอามากๆเสียด้วยเพราะ เขาถึงกับสักเลข 7 ไว้บนแขน มีลายบนกีต้ารื บนนู้นบนนี้เต็มไปหมด
4.สักรูปกางเขนไว้ช่วงบนของหลัง
เปงไงชอบน่ากากคนไหนกันเอ่ย???
เครดิต : http://www.yimwhan.com/board/show.php?user=ttadubon&Cate=5&topic=102 ปล.มี2วง Likin park กับ slipknot
วง วัชราวลี
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก วงวัชราวลี, tinnamou.com
คลิปดัง ๆ จากยูทูปได้สร้างชื่อให้คนหรือวงธรรมดาให้เป็นที่รู้จักมากมายมานักต่อนักแล้ว เช่น วงที่พวกเรารู้จักกันเป็นอย่างดีอย่างวง room 39 และจากวิธีที่ว่านี้ ก็เป็นการแจ้งเกิดให้กับวงดนตรีอีกวงหนึ่งที่เป็นเจ้าของเพลงฮิต เพลง "ลูกอม" อย่าง วง "วัชราวลี" (WhatChaRaWaLee)
"...จะมีเพียงเธอรักเพียงแต่เธอ โอบกอดเธอด้วยรัก รักที่ห่วงใย.." นี่คือ ข้อความท่อนหนึ่งของเพลงฮิต อย่างเพลงลูกอม ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักที่สวยงามของชายหญิงคู่หนึ่ง ที่ตัดสินใจจะใช้ชีวิตร่วมกัน ใช่แล้วค่ะ เพลงนี้ได้แต่งขึ้นเพื่อเซอร์ไพรส์เจ้าสาวของสมาชิกในวงคนหนึ่ง และได้นำมาเปิดในงานแต่งงาน ซึ่งหลังจากการแต่งงานเสร็จสิ้นลง พวกเขาก็ได้เผยแพร่เพลงนี้ลงยูทูป ด้วยทำนองเพลงที่ฟังสบาย ๆ เนื้อหาของเพลงเกี่ยวกับความรัก จึงโดนใจใครหลายคน จนกลายเป็นกระแสความฮิตขึ้นมา ผู้คนถามหาว่า เพลงนี้คือเพลงอะไร คนร้องคือใคร
วันนี้ กระปุกดอทคอม จึงไม่รอช้าจะนำประวัติเล็ก ๆ น้อย ๆ ของวงวัชราวลี ตลอดจนที่มาของชื่อเพลงฮิตอย่างเพลง ลูกอม และ เพลง Jeep ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลที่ 2 ของพวกเขา มาให้ทราบกันค่ะ
วงวัชราวลี เป็นวงดนตรีแนว Retro Soul-Pop ที่เริ่มจากการรวมตัวของเพื่อน ๆ ที่อยู่เบื้องหลังวงการเพลงและวงการโฆษณาที่อยากจะเพลงในสไตล์มุมมองความรักด้านบวก ด้านที่สวยงาม เพิ่มจินตนาการของผู้ฟังด้วยการใช้ภาษาสวยงาม ความหมายดี ผสมผสานกับการร้องที่เข้าถึงอารมณ์ของเพลง เพื่อให้... ดนตรีนั้นมีชีวิต
แต่หลายคนคงสงสัยว่า แล้วชื่อวงหล่ะ ทำไมถึงต้องเป็น วัชราวลี ซึ่งชื่อวงนี้ ก็คือ ชื่อของเจ้าสาว ที่พวกเขาแต่งเพลงเซอร์ไพรส์ให้นั่นเอง เมื่อพวกเขาเผยแพร่คลิปในยูทูปแล้ว และมีกระแสมาพอสมควรจึงมีการถามไถ่ถึงเจ้าของเพลง สมาชิกในวงจึงได้มาประชุมกันว่า เราคงจะต้องตั้งชื่อเพลง ชื่อวงแล้ว และสรุปก็มาจบที่ เพลงนี้เกิดจากงานแต่งงานนี้ เพลงนี้มอบให้เจ้าสาวคนนี้ เพราะฉะนั้นเราต้องให้เกียรติกับอะไรที่ทำให้เพลงนี้เกิดขึ้น จึงมาสรุปด้วยชื่อของเจ้าสาวที่มีชื่อว่า "วัชราวลี" และมีชื่อเล่นว่า ลูกอม ชื่อของเพลงนี้ด้วยนั่นเอง
และหลังจากที่ เพลง ลูกอม ถูกปล่อยออกมา และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก หนึ่งปีต่อมาซิงเกิ้ลที่สองของวัชราวลีที่ใช้ชื่อว่า JEEP จึงตามออกมาอีกครั้ง เพลงนี้ได้นำคำพูดของเจ้าบ่าว ที่บอกกับเจ้าสาว เวลาที่ท้อแท้กับปัญหาต่างๆ ว่า.... " ให้เธอ โปรดเข้มแข็ง เมื่อเธอทุกข์ใจให้ลองเอาเท้าจุ่มน้ำ ปล่อยความทุกข์ลอยไปกับทะเล และฟ้าสีคราม "
ตอกย้ำความฮิตของเพลงด้วยการที่มีศิลปินคนอื่น ๆ นำเพลงฮิตอย่างเพลง ลูกอม ไป cover มากมาย เช่น นักร้องเสียงใส มน วง room 39 หรือจะเป็นสาวห้าวเสียงหวานอย่าง โรส ศิรินทิพย์ ก็พูดติดตลกว่า แอบขโมยเพลงเขามาร้อง.. เอาล่ะค่ะ เกริ่นถึงความฮิตของเพลงของพวกเขามาพอสมควรแล้ว เรามาทำความรู้จักกับหนุ่ม ๆ วงวัชราวลี ทั้ง 4 คน ผู้สร้างสรรค์เพลงฮิตอย่าง ลูกอม และ Jeep กันดีกว่า
1.มนต์ชัย สัตยเทพ (ป๋ำ) Vocal / Guitar / Chorus ( ร้องเพลง JEEP / และเป็นProducer วง Terracotta )
ประวัติ
เรียนจบ ป.ตรี - ดนตรีที่สวนสุนันทา เป็น นักแต่งเพลง ผลิตเพลงโฆษณา -เบื้องหลังศิลปิน – เป็น Producer ให้วง Terracotta
( อาทิเช่น เพลง 40 Km/Hr , นักประดาน้ำ )
ปัจจุบัน
เจ้าของบริษัท TinNAmou Music Score Co.,Ltd.
2. ธัชกร คงเขาม่วง (นิว) Bass
ประวัติ
เรียนจบดนตรีที่สวนสุนันทา
ปัจจุบัน
ทำงานโฆษณาในตำแหน่ง Sound Engineer ที่บริษัท Key To Success
3. สัญชัย กาญจนรัตน์ (Milk) Guitar
ประวัติ
เรียนจบ ป.ตรี - ดนตรีที่สวนสุนันทา
ปัจจุบัน
- เล่นดนตรีอยู่รายการชิงช้าสวรรค์ ช่วงเสียงดีมีค่าเทอม ทุกวันเสาร์ 16.30 ทางโมเดิร์นไนทีวี
- สอนกีต้าร์อยู่ที่โรงเรียนดนตรีมีฟ้า // เล่นดนตรีกลางคืน // กำลังศึกษาปริญญาโท // เปิดโรงเรียนสอนดนตรี
4.ศราวุฒิ วุฒิกุล (จุ๊บ) Drum
ประวัติ เรียนจบ ป.ตรี - ดนตรีที่สวนสุนันทา
ปัจจุบัน สอนดนตรีที่โรงเรียนดนตรีกิตติกีต้าร์ปืนและที่อื่นๆ เล่นดนตรีอาชีพ // Back Upให้กับศิลปินต่างๆ
เชลซี
สโมสรฟุตบอลเชลซีก่อตั้งเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2448 (ค.ศ. 1905) ที่ ผับชื่อเดอะไรซิงซัน ตรงข้ามกับสนามแข่งปัจจุบันบนถนนฟูแลม และได้เข้าร่วมกับลีกฟุตบอลในเวลาต่อมา เชลซีเริ่มมีชื่อเสียงภายหลังจากที่ได้รับชัยชนะใน ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 1954–55
ปี 1996 แต่งตั้ง รุด กุลลิท(Ruud Gullit) เป็นทั้งผู้เล่นและผู้จัดการทีม เชลซีสามารถคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้ในยุคของกุลลิทนี้
ปี 1997 เปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็น จิอันลูก้า วิอัลลี่( Gianluca Vialli) โดยเป็นทั้งผู้เล่นและผู้จัดการทีมในช่วงแรก ในยุคของวิอัลลี่นี้สามารถทำทีมได้แชมป์ลีกคัพ และ ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพและสามารถเข้าชิง"ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพ"ได้เป็นปีทีสองติดต่อกันก่อนที่จะแพ้ลาซิโอทีมจากอิตาลีไป ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่มีการจัดการแข่งขัน "ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพ"
ปี 2000 จิอันลูก้า วิอัลลี่ถูกปลดออกจากผู้จัดการทีมและแทนที่ด้วย เคลาดิโอ รานิเอรี(Claudio Ranieri) เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ ในยุคของรานิเอรีนั้น เชลซีมีผลงานติดห้าอันดับแรกของของพรีเมียร์ลีกอย่างสม่ำเสมอ
มิถุนายน ปี พ.ศ. 2546 (ค.ศ.2003) โรมัน อบราโมวิช เข้าซื้อกิจการต่อจากเคน เบตส์(Ken Bates) ในราคา 140 ล้านปอนด์ หลังการเข้าซื้อกิจการของมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย เคลาดิโอ รานิเอรีซึ่ง เป็นผู้จัดการทีมในขณะนั้นยังคงได้คุมทีมต่อไป ภายใต้การเปลี่ยนแปลงทีมอย่างมากมาย มีการซื้อนักเตะชื่อดังหลายรายเข้ามาเสริมทีมโดยใช้เงินไปอีกมากมายกว่าร้อย ล้านปอนด์ เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลแข่งขันเชลซีไม่คว้าแชมป์ใดมาได้เลย สามารถทำอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีก และ เข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก เมื่อจบฤดูกาลแรกหลังจากเข้าซื้อกิจการของมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ทางทีมจึงได้ปลด เคลาดิโอ รานิเอรี่ ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม และได้เซ็นสัญญาให้ โชเซ่ มูรินโญ่ ( José Mourinho)เป็นผู้จัดการทีมต่อมา
ปี พ.ศ. 2547 (ค.ศ.2004) เปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็น โชเซ่ มูรินโญ่ ซึ่งสร้างสีสันให้กับวงการฟุตบอลอังกฤษในสมัยนั้นเป็นอย่างมากกับบทสัมภาษณ์และทัศนะของ มูริญโญ่เอง
ปี พ.ศ. 2548 (ค.ศ.2005) ได้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกหลังจาก โรมัน อบราโมวิช เข้าซื้อกิจการของสโมสร และครบร้อยปีจากการตั้งสโมสร
ปี พ.ศ. 2549 (ค.ศ. 2006) ได้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้งสองสมัยติดต่อกัน
20 กันยายน พ.ศ. 2550 มูรินโญ่ถูกไล่ออกจากตำแหน่ง หลังจากทำผลงานไม่ดี 3 นัดติดต่อกัน แพ้ แอสตันวิลลา 0-2 เสมอแบล็กเบิร์นโรเวอร์ส 0-0 และไล่ตีเสมอโรเซนบอร์ก 1-1 และเปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็น อัฟราม แกรนท์ (Afram Grant)
11 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 สิ้นสุดฤดูกาลแรกของ อัฟราม แกรนท์ ไม่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ หลังจากรับงาน อัฟราม แกรนท์ พาทีมเชลซีต่อสู้แย่งแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนถึงนัดสุดท้าย แต่ไม่สามารถทำได้โดยนัดสุดท้ายทำได้เพียงเสมอกับ โบลตัน (Bolton)1-1 โดยถูกตีเสมอในนาทีสุดท้ายของการแข่งขัน สิ้นสุดฤดูกาลเชลซีทำแต้มได้ 85 แต้ม โดยแชมป์(แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)ทำได้ 87 แต้ม
21 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 เข้าชิงแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกของสโมสร กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กรุงมอสโค ประเทศรัสเซีย ในเวลา 120 นาทีเสมอกัน 1-1 ต้องเตะลูกจุดโทษตัดสิน เชลซีแพ้ไป 6-5 ประตู
24 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 ผู้บริหารสโมสรมีมติปลดอัฟราม แกรนท์ ออกจากตำแหน่ง
1 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 สโมสรเชลซีแต่งตั้ง หลุย เฟลิปเป้ สโกลารี่ ขึ้นเป็นกุนซือเชลซีอย่างเป็นทางการ
9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 สโกลารี่ทำผลงานได้ไม่ดี หลังจากนำทีมเสมอต่อ ฮัลล์ 0-0 ตามหลังแมนฯ ยูผู้นำอยู่ 7 แต้ม ผู้บริหารสโมสรได้มีมติปลดออกจากตำแหน่ง
12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 มติสโมสรแต่งตั้ง กุส ฮิดดิ้งค์ กุนซือชาวฮอลแลนด์ผู้จัดการทีมชาติรัสเซียเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ โดยฮิดดิ้งค์จะทำหน้าที่ควบ 2 ตำแหน่ง ทั้งผู้จัดการทีมชาติรัสเซียและผู้จัดการเชลซี
Naruto
ประวัติ มาดาระ & รูปภาพ มาดาระ
อุจิวะ มาดาระ ตามข้อมูลทั้งหมดที่หลายๆคนเขียน คือบรรพบุรุษแห่งตระกูลอุจิวะ
"ซึ่งเป็นลูกของโซโจโบราชาเทนงูกับหญิงสาวฮิวงะ ซึ่งได้รับพรสวรรค์มหาศาลจากฮิวงะและเทนงูจนเกิดเนตรวงแหวนขึ้นมา แถมเป็นเพื่อนกับรุ่น1 และก่อตั้งหน่วยตำรวจขึ้นแต่ความเป็นจริงราชาเทนงูไม่ได้แต่งงานงานกับสาวฮิ วงะเพราะความรักแต่ต้องการร่างใหม่เพื่อสิงสู่กลืนกินร่าง(ประมาณโอโรจิมารุ )สุดท้ายมาดาระก็ต้องถึงคราวต่อสู้กับพ่อตัวเองแต่พลังของเขายังไม่แกร่งพอ เขาจึงไปขอยืมพลังจิ้งจอกเก้าหาง ก่อนจะไปได้โดนโฮคาเงะรุ่น 1 ขัดขวางเพราะทั้งคู่เป็นสหายกันแล้วรุ่น 1 นึกว่ามาดาระจะไปไขว่หาพลังชั่วร้าย และสุดท้ายรุ่น1ก็ห้ามไม่ได้และต่อสู้กันและก็มีรูปปั้นของทั้งคู่สืบต่อมา (ที่นารุโตะกับซาสุเกะสู้กัน) และการต่อสู้ของเขากับพ่อมาดาระก็ผนึกโซโจโบได้โดยมีเงื่อนไขปลดผนึกอยู่ ด้วย นั้นก็คือการเอาคนที่เบิกเนตรกระจกเงา 3 คนกับพลังของจิ้งจอกเก้าหาง( เพราะมาดาระใช้พลัง 9 หางผนึก)อิทาจิที่รู้ความลับ(ว่ากันว่าผู้ปลดผนึกจะได้พลังอันยิ่งใหญ่)เขา คิดว่าตระกูลอุจิวะคงไม่มีทางเข่นฆ่าตนที่รักเพื่อเบิกเนตรกระจกเงาหรอก เขาเล็งเห็นพรสวรรค์ในตัวซาสึเกะจึงฆ่าทุกคนให้ซาสึเกะเคียดแค้นจนต้องเบิก เนตร เพราะเขาพบคนที่มีเนตรนี้อีกคนแล้ว นั่นคือมาดาระหัวหน้าใหญ่ผู้ชักใยแสงอุษาแต่ข้อสงสัยว่ามาดาระถ้ามีชีวิต อยู่อายุน่าจะเป็นร้อยแล้วแต่ทำไมเขาไปไหนมาเขากลับมาได้ไงและที่อิทาจิเข้า แสงอุษาเพราะจะได้หา 9 หางได้สะดวก
เข้าเงื่อนไขที่มาดาระต้องการ (ปลดผนึกอีกครั้งเพื่อทำลายโลกนินจาแล้วตั้งตัวเองขึ้นเป็นผู้นำ) และอิทาจิเองก็ต้องการสอดส่องความปลอดภัยของโคโนฮะ(และดูแลซาสึเกะ)จากภายใน แสงอุษา แล้วยังต้องการให้ซาสึเกะมาตั้งตระกูลไหม่อีกรอบแทนตนเองที่มีประวัติฆ่า ล้างตระกูล
ประวัติ สัตว์หางทั้ง9 & รูปภาพ สัตว์หางทั้ง9
posted on 08 Oct 2009 19:12 by cartoon-zaรายชื่อสัตว์หาง
ชูคาคุ
...........อิ จิบิ โนะ ชูคาคุ (一尾の守鶴, Ichibi No Shukaku) สัตว์หางเจ้าแห่งทราย มีอีกชื่อหนึ่งว่าภูตทราย รูปแบบแรคคูน มี1หาง มีความสามารถในการควบคุมทราย เชื่อกันว่ามีระดับวิชาคาถาอยู่ในลำดับที่ 8 และมีปริมาณจักระอยู่ในลำดับที่ 9 เป็นเจ้าแห่งทะเลทราย ก่อนหน้าที่จะถุกแสงอุษาแย่งชิงไปเคยสถิตอยู่ในร่างของ กาอาระ....
เนโกะมาตะ
...........นิ บิ โนะ เนโกะมาตะ (ニ尾の猫俣, Nibi no Nekomata) สัตว์หางเจ้าแห่งวิญญาณ รูปแบบแมว มี2หาง เคยสถิตอยู่ในร่างของ ยูกิโตะ นิอิ ซึ่งเป็นนินจาหญิงแห่งหมู่บ้านคุโมะงาคุเระ ก่อนจะถูกแสงอุษาแย่งชิงมา เนโกะมาตะ มีความสามารถในการดูดกลืนวิญญาณเป็นอาหาร เชื่อกันว่ามีวิชาคาถาอยู่ในลำดับที่ 4 แต่มีปริมาณจักระอยู่ในลำดับที่ 8
อิโซนาเดะ
...........ซาน บิ โนะ อิโซนาเดะ (三尾, Sanbi) สัตว์สามหาง เจ้าแห่งน้ำรูปร่างคล้ายตะพาบ (ในตำนานระบุว่าเป็นสัตว์คล้ายฉลาม) ไม่มีร่างสถิต (แต่ในตอนที่420ได้มีรูปแล้วเขียนว่าสัตว์หาง ในรูปเป็นชายชูมือ3นิ้วมีสัญลักษณ์แสดงว่าเป็นนินจาของคิริ)มีความสามารถใน การควบคุมกระแสน้ำและคลื่น เชื่อกันว่ามีระดับวิชาคาถาอยู่ในลำดับที่ 6 และมีปริมาณจักระอยู่ในลำดับที่ 7 ในแอะนิเมะ ถูกเรียกออกมาจากแม้น้ำโดย ฮินาตะ ซากุระ อิโนะ และ ชิซึเนะ (เฉพาะแอะนิเมะ)
โซโค
...........ยอน บิ โนะ โซโค (四尾, Yonbi) สัตว์หางเจ้าแห่งพิษ สี่หาง มีรูปร่างผสมกันคล้ายแมลงพิษ หรือบางตำนานว่าเป็นสัตว์รูปร่างคล้ายไก่ผสมกับงู ถนัดในการใช้พิษสังหารและการวางยาพิษ มีวิชาคาถาอยู่ในลำดับที่ 9 และมีปริมาณจักระอยู่ในลำดับที่ 6
โฮโก
...........โก บิ โนะ โฮโก (五尾, gobi) ห้าหางเจ้าแห่งการลวงตา เป็นสัตว์หางรูปแบบสุนัข มีความสามารถในการควบคุมธาตุทั้งห้า ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ และสายฟ้า เชื่อว่ามีระดับวิชาคาถาอยู่ในลำดับที่ 3 และมีปริมาณจักระอยู่ในลำดับที่ 5
ไรจู...........โร คุบิ โนะ ไรจู (六尾, rokubi) หกหาง สัตว์หางหน้าตาคล้ายตัววีเซิลเป็นเจ้าแห่งสายฟ้า มีวิชาคาถาอยู่ในลำดับที่ 5 และมีปริมาณจักระอยู่ในลำดับที่ 4
คาคุ
...........ชิ จิบิ โนะ คาคุ (七尾, shichibi) เจ็ดหาง สัตว์หางรูปร่างเป็นตัวแบดเจอร์ที่มันคล้ายๆหมีมุดดิน เป็นจ้าวแห่งดิน สามารถควบคุมแผ่นดินได้ตามต้องการไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนแผ่นดินหรือหรือ หรือคลื่นสั่นสะเทือนใต้พื้นดิน มีวิชาคาถาอยู่ในอันดับที่3และมีปริมาณจักระอยู่ในลำดับที่ 3
ยามาตะ
...........ฮัจ จิบิ โนะ ยามาตะ (八尾, Hachibi) รูปแบบอสูรวัวหางปลาหมึก[1]มี นินจาคุโมะกาคุเระเป็นร่างสถิต ตามตำนานญี่ปุ่นมีอีกชื่อว่า ยามาตะ โนะ โอโรจิ (แปลว่า งู) ซึ่งเป็นงูที่มีแปดหัวแปดหาง แตกต่างจากในเรื่องนินจาคาถาโอ้โฮเฮะ ยามาตะเป็นเจ้าแห่งภูติผีปีศาจ ควบคุมเหล่าปิศาจและมีอำนาจในโลกแห่งความตาย มีปริมาณจักระและลำดับของวิชาคาถาอยู่ในลำดับที่ 2 อย่างไรก็ตามมีอสูรอีกตนเคยปรากฏตัวออกมาในเนื้อเรื่องและมีลักษณะใกล้เคียง กับยามาตะเช่นกันนั่นคือคาถานินจาของโอโรจิมารุในขั้นสุดท้าย ซึ่งได้ปรากฏตัวออกมาตอนที่ซาสึเกะสู้กับอิทาจิ เป็นร่างของงูขาวยักษ์แปดหัวที่สิงสู่อยู่ในร่างของซาสึเกะ และถูกวิชาเนตวงแหวนสึซาโนะโอะปราบลงได้
...........ซึ่ง ในเนื้อเรื่อง8หางถูกแสงอุษาจับได้แล้ว เพราะพ่ายแพ้ให้กับวิชาเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา วิชาเทวีสุริยา =เพลิงสีดำ ของซาสึเกะแต่ภายหลังพบว่าแปดหางยังไม่ตายเพราะได้ใช้คาถาบางอย่างซ่อนตัว ไว้ในน้ำ
คิวบิ
...........คิว บิ โนะ โยโค (九尾の妖狐, Kyūbi no Yōkō) สัตว์หางรูปแบบจิ้งจอก มีความเชื่อกันว่ามีพลังมากที่สุดในบรรดาสัตว์หาง หมายถึงปริมาณจักระและระดับของวิชาคาถาอยู่ในระดับสูงสุด ถูกผนึกอยู่ในร่างของ นารูโตะ โดยอดีตโฮคาเงะรุ่นที่สี่ ใช้คาถาอัญเชิญทูตมรณะในการดึงวิญญาณของเก้าหางแล้วใช้คาถาผนึกหกวิถี กักขังจิ้งจอกเก้าหางไว้ ในร่างของนารุโตะ(แต่กักขังพลังไว้เพียงครึ่ง)ตั้งแต่ยังเป็นทารก ท่านรุ่นที่สี่นั้นก็คือพ่อของนารูโตะเช่นกัน(มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่ารุ่น สี่คือพ่อของนารูโตะ เพราะ รุ่นสี่ได้ขอร้องรุ่นสามไว้ว่าอย่าบอกใคร) เนื่องจากอยากให้ทุกคนคิดว่านารูโตะเป็นวีระบุรุษที่ช่วยโคโนฮะ แต่ทุกคนกลับคิดว่านารูโตะคือปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง จึงไม่มีใครอยากคบด้วย แต่ เมื่อนานไปนารูโตะก็มีเพื่อนมากมายและเป็นที่ยอมรับของใครหลายๆคน
ประวัติ นิไดเมะโฮะ & รูปภาพ นิไดเมะโฮะ
ชื่อ : โฮคาเงะรุ่นที่ 2
อายุ : -
วันเกิด : 19 กุมภาพันธ์
ส่วนสูง : 182.3 ซ.ม.
น้ำหนัก : 70.5 ก.ก.
หมายเลขทะเบียนนินจา : -
ปรากฏตัวครั้งแรก Anime : ตอนที่ 69
ปรากฏตัวครั้งแรก Manga : ตอนที่ 118
หมู่บ้าน : โคโนะฮะ
ระดับ : คาเงะ
ความหมายของชื่อ : Sen=หนึ่งพัน ju=มือ Tobirama = ช่องว่างระหว่าง2ประตุ
ตัวละครที่เกี่ยวข้อง : โฮคาเงะรุ่นที่ 1, โฮคาเงะรุ่นที่ 3, โอโรจิมารุ, ที่ปรึกษา มิโตคาโดะ โฮมูระ และ ที่ปรึกษา อุทาทาเนะ โคฮารุ ฯลฯ
จำนวนภารกิจที่ปฏิบัติ :
ระดับต่ำ (D-Rank) : -
ระดับทั่วๆไป (C-Rank) : -
ระดับสูง (B-Rank) : -
ระดับสูงมาก (A-Rank) : -
ภารกิจขั้นเทพ (S-Rank) : -
ข้อมูลเกี่ยวกับการสอบเกะนิน จูนิน :
จบการศึกษาจากรร.นินจา เมื่ออายุ (Academy Grad Age) : -
ช่วงอายุที่สอบจูนิน (Chuunin Exam Age) : -
เซ็นจู โทบิรามะ เป็นสมาชิกของตระกูลเซ็นจูที่มีเขาและฮาชิรามะพี่ชายของเขาเป็นผู้นำ เมื่อ80ปีที่แล้วในยุคที่โลกนินจาเต็มไปด้วยสงครามกลางเมือง แต่ละแคว้นต่างต่อสู้กันเพื่อผลประโยชน์และขยายอาณาเขตแคว้นตัวเองโดยอาศัย การว่าจ้างนินจาตระกูลต่างๆมาฟาดฟันกัน ว่ากันว่าถ้าแคว้นหนึ่งจ้างตระกูลเซ็นจู แคว้นคู่ต่อสู้ก็จะต้องจ้างตระกูลอุจิวะเพราะทั้ง2ตระกูลนี้ขึ้นชื่อว่าแข็ง แกร่งที่สุด หลังจากนั้นไม่นานตระกูลเซ็นจูได้เจรจาสงบศึกกับตระกูลอุจิวะ แต่มาดาระผู้นำตระกูลอุจิวะไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่สามารถทัดทานเสียงสมาชิกใน ตระกูลส่วนมากที่เห็นด้วยได้จึงต้องยอมรับโดยดุษณี จนกระทั่งเวลาต่อมาตระกูลเซ็นจูภายใต้การนำของฮาชิรามะและโทบิรามะร่วมกับ ตระกูลอุจิวะกดดันแคว้นฮิโนะคุนิก่อตั้งหมู่บ้านนินจาขึ้นมาเป็นระบบหนึ่ง แคว้นหนึ่งหมู่บ้านนินจา ซึ่งต่อมาแคว้นอื่นก็นำไปใช้เป็นแบบอย่างสงครามนินจาจึงได้เริ่มซาลง และยุติลงในที่สุด ต่อมามาดาระซึ่งผิดหวังจากตำแหน่งโฮคาเงะรุ่นที่หนึ่ง ก็ได้กลับมาเผชิญหน้ากับโคโนฮะอีกครั้ง แต่ฮาชิรามะหรือในฐานะโฮคาเงะรุ่นที่1สามารถเอาชนะมาดาระได้
ระหว่างช่วงเวลาเหล่านั้นโทบิรามะได้ร่วมกับรุ่นที่1เป็นครูของทีม3คนซึ่ง ประกอบด้วย ซารุโทบุ ฮิรุเซ็น(โฮคาเงะรุ่นที่3 ในอนาคต) มิโตคาโดะ โฮมูระ และ อุทาทาเนะ โคฮารุ (ซึ่งต่อมโฮมูระและโคฮารุต่างก็เป็นที่ปรึกษาให้แก่โฮคาเงะรุ่นที่3) ในนามของทีมโทบิรามะ โทบิรามะนั้นถนัดในการใช้คาถาน้ำ เขาสามารถใช้วิชานินจาน้ำได้อย่างทรงพลังแม้ว่าบริเวณรอบๆข้างจะไม่มีน้ำ อยู่เลย ท่ามกลางความไม่แน่นอนว่าจะเกิดสงครามอีกเมื่อไหร่นั้นเอง ดังนั้นเมื่อถึงเวลาอันสมควรฮาชิรามะโฮคาเงะรุ่นที่1ก็ได้ส่งมอบตำแหน่งโฮคา เงะให้แก่โทบิรามะน้องชายของเขา ทำให้โทบิรามะขึ้นเป็นโฮคาเงะรุ่นที่2สืบต่อมา หลังจากที่โทบิรามะขึ้นเป็นโฮคาเงะแล้วเขาได้จัดตั้งหน่วยตำรวจของโคะโนะฮะ ขึ้นโดยให้ตระกูลอุจิวะดูแลและเพื่อแสดงความไว้เนื้อเชื่อใจกัน แต่ในความคิดของมาดาระการกระทำของโทบิรามะเป็นเพียงการกันตระกูลอุจิวะออก จากศูนย์กลางของอำนาจ ป้องกันไม่ให้ตระกูลอุจิวะมีบทบาทในด้านการปกครองเท่านั้น ต่อมาโทบิรามะส่งต่อตำแหน่งโฮคาเงะแก่ซารุโทบิ ฮิรุเซ็น เป็นโฮคาเงะรุ่นที่3
อย่างไรก็ตาม ในช่วงแผนถล่มโคโนะฮะ โอโรจิมารุได้ใช้วิชาต้องห้าม คือ คาถาเชิญ สัมภเวสีคืนชีพ อัญเชิญโฮคาเงะรุ่นที่สอง และพี่ชาย คือ โฮคาเงะรุ่นที่หนึ่งขึ้นมาช่วยต่อสู้กับโฮคาเงะรุ่นที่สาม โดยใช้ร่างของนินจาโอโตะเป็นร่างสังเวย ทำให้โฮคาเงะรุ่นที่สามต้องตัดสินใจ ใช้ท่าไม้ตายที่โฮคาเงะรุ่นที่สี่เคยผนึกจิ้งจอกเก้าหาง คือ คาถาปิดผนึกซากอสูร มาจัดการกับโฮคาเงะรุ่นที่สองและโฮคาเงะรุ่นที่1ซึ่งเป็นอดีตอาจารย์ของตน เพื่อปิดผนึกวิญญาณของเขาเอาไว้ในภพของการต่อสู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดไปชั่ว นิรันดร
โฮคาเงะรุ่นที่สองมีอาวุธคู่กายอยู่ชิ้นหนึ่ง คือ ดาบ ‘เทพสายฟ้า’ (Raijin-雷神? lit. "Thunder God", English TV: "Sword of the Thunder Spirit") ซึ่งมีรูปร่างเป็นเหมือนดาบสั้นที่สามารถยืดและหด รวมถึงสามารถปล่อยพลังสายฟ้าออกมาได้ด้วย หลังการเสียชีวิตของเขา ดาบนี้ยังคงถูกเก็บรักษาเอาไว้ในหมู่บ้าน แต่ต่อมา มีนินจาถอนตัวที่ทรยศต่อหมู่บ้านคนหนึ่งชื่อว่า อาโออิ ได้ขโมยมันออกไปและนำไปมอบให้กับหมู่บ้านอาเมะงาคุเระ (Hidden Rain) ในฐานะเครื่องบรรณาการ อาโออิใช้ดาบ ‘เทพสายฟ้า’ (Raijin) ในการต่อสู้ จนทำให้ใบมีดบนตัวดาบหักหลังจากปะทะกับการผสานพลังระหว่าง ‘พันปักษา’ (Chidori) และ ‘กระสุนวงจักร’ (Rasengan) ซึ่งภายหลังความพ่ายแพ้ของอาโออิก็ไม่มีใครรู้เรื่องดาบเล่มนี้ของโฮคาเงะ รุ่นที่สองอีกเลย
อายุ : -
วันเกิด : 19 กุมภาพันธ์
ส่วนสูง : 182.3 ซ.ม.
น้ำหนัก : 70.5 ก.ก.
หมายเลขทะเบียนนินจา : -
ปรากฏตัวครั้งแรก Anime : ตอนที่ 69
ปรากฏตัวครั้งแรก Manga : ตอนที่ 118
หมู่บ้าน : โคโนะฮะ
ระดับ : คาเงะ
ความหมายของชื่อ : Sen=หนึ่งพัน ju=มือ Tobirama = ช่องว่างระหว่าง2ประตุ
ตัวละครที่เกี่ยวข้อง : โฮคาเงะรุ่นที่ 1, โฮคาเงะรุ่นที่ 3, โอโรจิมารุ, ที่ปรึกษา มิโตคาโดะ โฮมูระ และ ที่ปรึกษา อุทาทาเนะ โคฮารุ ฯลฯ
จำนวนภารกิจที่ปฏิบัติ :
ระดับต่ำ (D-Rank) : -
ระดับทั่วๆไป (C-Rank) : -
ระดับสูง (B-Rank) : -
ระดับสูงมาก (A-Rank) : -
ภารกิจขั้นเทพ (S-Rank) : -
ข้อมูลเกี่ยวกับการสอบเกะนิน จูนิน :
จบการศึกษาจากรร.นินจา เมื่ออายุ (Academy Grad Age) : -
ช่วงอายุที่สอบจูนิน (Chuunin Exam Age) : -
ข้อมูลตัวละคร :
เซ็นจู โทบิรามะ เป็นสมาชิกของตระกูลเซ็นจูที่มีเขาและฮาชิรามะพี่ชายของเขาเป็นผู้นำ เมื่อ80ปีที่แล้วในยุคที่โลกนินจาเต็มไปด้วยสงครามกลางเมือง แต่ละแคว้นต่างต่อสู้กันเพื่อผลประโยชน์และขยายอาณาเขตแคว้นตัวเองโดยอาศัย การว่าจ้างนินจาตระกูลต่างๆมาฟาดฟันกัน ว่ากันว่าถ้าแคว้นหนึ่งจ้างตระกูลเซ็นจู แคว้นคู่ต่อสู้ก็จะต้องจ้างตระกูลอุจิวะเพราะทั้ง2ตระกูลนี้ขึ้นชื่อว่าแข็ง แกร่งที่สุด หลังจากนั้นไม่นานตระกูลเซ็นจูได้เจรจาสงบศึกกับตระกูลอุจิวะ แต่มาดาระผู้นำตระกูลอุจิวะไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่สามารถทัดทานเสียงสมาชิกใน ตระกูลส่วนมากที่เห็นด้วยได้จึงต้องยอมรับโดยดุษณี จนกระทั่งเวลาต่อมาตระกูลเซ็นจูภายใต้การนำของฮาชิรามะและโทบิรามะร่วมกับ ตระกูลอุจิวะกดดันแคว้นฮิโนะคุนิก่อตั้งหมู่บ้านนินจาขึ้นมาเป็นระบบหนึ่ง แคว้นหนึ่งหมู่บ้านนินจา ซึ่งต่อมาแคว้นอื่นก็นำไปใช้เป็นแบบอย่างสงครามนินจาจึงได้เริ่มซาลง และยุติลงในที่สุด ต่อมามาดาระซึ่งผิดหวังจากตำแหน่งโฮคาเงะรุ่นที่หนึ่ง ก็ได้กลับมาเผชิญหน้ากับโคโนฮะอีกครั้ง แต่ฮาชิรามะหรือในฐานะโฮคาเงะรุ่นที่1สามารถเอาชนะมาดาระได้
โทบิรามะและลูกศิษย์ของเขา
ระหว่างช่วงเวลาเหล่านั้นโทบิรามะได้ร่วมกับรุ่นที่1เป็นครูของทีม3คนซึ่ง ประกอบด้วย ซารุโทบุ ฮิรุเซ็น(โฮคาเงะรุ่นที่3 ในอนาคต) มิโตคาโดะ โฮมูระ และ อุทาทาเนะ โคฮารุ (ซึ่งต่อมโฮมูระและโคฮารุต่างก็เป็นที่ปรึกษาให้แก่โฮคาเงะรุ่นที่3) ในนามของทีมโทบิรามะ โทบิรามะนั้นถนัดในการใช้คาถาน้ำ เขาสามารถใช้วิชานินจาน้ำได้อย่างทรงพลังแม้ว่าบริเวณรอบๆข้างจะไม่มีน้ำ อยู่เลย ท่ามกลางความไม่แน่นอนว่าจะเกิดสงครามอีกเมื่อไหร่นั้นเอง ดังนั้นเมื่อถึงเวลาอันสมควรฮาชิรามะโฮคาเงะรุ่นที่1ก็ได้ส่งมอบตำแหน่งโฮคา เงะให้แก่โทบิรามะน้องชายของเขา ทำให้โทบิรามะขึ้นเป็นโฮคาเงะรุ่นที่2สืบต่อมา หลังจากที่โทบิรามะขึ้นเป็นโฮคาเงะแล้วเขาได้จัดตั้งหน่วยตำรวจของโคะโนะฮะ ขึ้นโดยให้ตระกูลอุจิวะดูแลและเพื่อแสดงความไว้เนื้อเชื่อใจกัน แต่ในความคิดของมาดาระการกระทำของโทบิรามะเป็นเพียงการกันตระกูลอุจิวะออก จากศูนย์กลางของอำนาจ ป้องกันไม่ให้ตระกูลอุจิวะมีบทบาทในด้านการปกครองเท่านั้น ต่อมาโทบิรามะส่งต่อตำแหน่งโฮคาเงะแก่ซารุโทบิ ฮิรุเซ็น เป็นโฮคาเงะรุ่นที่3
โฮคาเงะรุ่นที่1และรุ่นที่2ที่ถูกโฮโรจิมารุใช้คาถาสัมพเวสีคืนชีพเรียกมา
อย่างไรก็ตาม ในช่วงแผนถล่มโคโนะฮะ โอโรจิมารุได้ใช้วิชาต้องห้าม คือ คาถาเชิญ สัมภเวสีคืนชีพ อัญเชิญโฮคาเงะรุ่นที่สอง และพี่ชาย คือ โฮคาเงะรุ่นที่หนึ่งขึ้นมาช่วยต่อสู้กับโฮคาเงะรุ่นที่สาม โดยใช้ร่างของนินจาโอโตะเป็นร่างสังเวย ทำให้โฮคาเงะรุ่นที่สามต้องตัดสินใจ ใช้ท่าไม้ตายที่โฮคาเงะรุ่นที่สี่เคยผนึกจิ้งจอกเก้าหาง คือ คาถาปิดผนึกซากอสูร มาจัดการกับโฮคาเงะรุ่นที่สองและโฮคาเงะรุ่นที่1ซึ่งเป็นอดีตอาจารย์ของตน เพื่อปิดผนึกวิญญาณของเขาเอาไว้ในภพของการต่อสู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดไปชั่ว นิรันดร
ดาบเทพสายฟ้า อาวุธคู่กายของโฮคาเงะรุ่นที่2
โฮคาเงะรุ่นที่สองมีอาวุธคู่กายอยู่ชิ้นหนึ่ง คือ ดาบ ‘เทพสายฟ้า’ (Raijin-雷神? lit. "Thunder God", English TV: "Sword of the Thunder Spirit") ซึ่งมีรูปร่างเป็นเหมือนดาบสั้นที่สามารถยืดและหด รวมถึงสามารถปล่อยพลังสายฟ้าออกมาได้ด้วย หลังการเสียชีวิตของเขา ดาบนี้ยังคงถูกเก็บรักษาเอาไว้ในหมู่บ้าน แต่ต่อมา มีนินจาถอนตัวที่ทรยศต่อหมู่บ้านคนหนึ่งชื่อว่า อาโออิ ได้ขโมยมันออกไปและนำไปมอบให้กับหมู่บ้านอาเมะงาคุเระ (Hidden Rain) ในฐานะเครื่องบรรณาการ อาโออิใช้ดาบ ‘เทพสายฟ้า’ (Raijin) ในการต่อสู้ จนทำให้ใบมีดบนตัวดาบหักหลังจากปะทะกับการผสานพลังระหว่าง ‘พันปักษา’ (Chidori) และ ‘กระสุนวงจักร’ (Rasengan) ซึ่งภายหลังความพ่ายแพ้ของอาโออิก็ไม่มีใครรู้เรื่องดาบเล่มนี้ของโฮคาเงะ รุ่นที่สองอีกเลย
dredit: narutoctl.com
โฮคาเงะรุ่นที่ 2 (นิไดเมะโฮะคะเงะ) น้องชายของโฮคาเงะรุ่นที่ 1 ถนัดใช้น้ำเเละเคยมีดาบเเสงสายฟ้าเป็นอาวุธคู่กาย
• คาถาระเบิดมังกรวารี
• กำแพงวารี
• คาถาระเบิดมังกรวารี
• กำแพงวารี